รอบรู้ศาสตร์แห่งการเทรดคริปโตรายวัน: กลยุทธ์ เคล็ดลับ และข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง

Stanislav Bernukhov

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเทรดอาวุโสของ Exness

เริ่มเทรดเลย

ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่อาจใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต เงินลงทุนของคุณมีความเสี่ยง โปรดเทรดอย่างรอบคอบ

แชร์

ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มากประสบการณ์หรือเพิ่งเริ่มเทรดคริปโต คำแนะนำนี้ก็เหมาะกับคุณ ในคำแนะนำฉบับนี้ เราจะกล่าวถึงกลยุทธ์และรูปแบบการเทรดที่ใช้ในการเทรดรายวัน โดยเน้นไปที่คริปโตเคอร์เรนซีโดยเฉพาะ รวมถึงข้อดีและความท้าทายของการเทรดรายวันกับคริปโต

การเทรดรายวันคืออะไร

ก่อนที่เราจะลงลึกในหัวข้อนี้ เรามาดูความหมายของศัพท์คำนี้กันก่อน การเทรดรายวันคืออะไร การเทรดรายวันคือการซื้อและขายหลักทรัพย์ เช่น หุ้น คู่สกุลเงิน คอมโมดิตี้ หรือคริปโตเคอร์เรนซี ภายในวันที่มีการซื้อขายเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการรับความเสี่ยงของตลาดในช่วงข้ามคืน

รูปแบบการเทรดแบบรายวันสำหรับคริปโตประเภทที่ 1: การเทรดแบบ Scalping

รูปแบบการเทรดรายวันที่เคลื่อนไหวรวดเร็วที่สุดคือการเทรดแบบ Scalping โดยมีจุดประสงค์เพื่อมุ่งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาเพียงเล็กน้อย

การเทรดแบบ Scalping มาจากห้องค้าแบบเก่าที่มีการทำข้อตกลงกันด้วย "การส่งคำสั่งซื้อขายด้วยการตะโกนส่งสัญญาณมือ (Open Outcry)" เทรดเดอร์ในห้องค้าที่เป็น Scalper จะนั่งอยู่ตรงข้ามกับโบรกเกอร์ที่ดำเนินการคำสั่งของลูกค้า นั่นเป็นเหตุผลที่อีกชื่อหนึ่งของ Scalper คือ "ผู้ดูแลสภาพคล่อง" (Market Maker)

ปัจจุบัน Scalper เป็นเทรดเดอร์บนหน้าจอปกติที่ใช้เลเวอเรจสูงและเทรดอย่างรวดเร็ว เพื่อพยายามเทรดตามโมเมนตัมระยะสั้นหรือเทรดการกลับตัวของราคาใกล้ระดับแนวรับหรือแนวต้าน โดยปกติแล้ว Scalper จะถือสถานะเป็นวินาทีหรือนาทีเท่านั้น

คริปโตเคอร์เรนซีได้ชื่อว่าค่อนข้างมีความผันผวนเทียบกับกลุ่มสินทรัพย์อื่นๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เช่น ในฤดูร้อนปี 2023 ความผันผวนของ Bitcoin อยู่ในระดับต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ และตลาดก็ไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก เวลาเช่นนี้เหมาะกับการเทรดแบบ Scalping เนื่องจากเทรดเดอร์สามารถเทรดได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีความผันผวนต่ำ เพราะ Scalper ไม่ได้ต้องการกำไรจำนวนมากและอาจออกจากตลาดเมื่อมีกำไรเล็กน้อยเพียงไม่กี่ปิ๊ป

ตัวอย่างการเคลื่อนไหวกลับตัวน้อยๆ ที่เทรดเดอร์รายวันและ Scalper สามารถเทรดได้

ข้อดีและข้อเสียในการเทรดแบบ Scalping ด้วยคริปโต

ข้อดีของการเทรดแบบ Scalping

  • การเทรดแบบ Scalping อาจเป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการสร้างบัญชีให้เติบโตหากทำอย่างเหมาะสม
  • Scalper มีปริมาณการเทรดสูงกว่าเทรดเดอร์ประเภทอื่น เนื่องจากเมื่อเทรดมากขึ้น ก็จะมีโอกาสได้กำไรมากขึ้น
  • Scalper ไม่แบกรับความเสี่ยงจากการถือสถานะข้ามคืน ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในคริปโต เพราะราคาอาจดิ่งลงกะทันหันในเวลากลางคืน
  • Scalper ทำงานเฉพาะเมื่ออยู่หน้าจอเท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องถือสถานะและตกเป็นเหยื่อให้กับความผันผวนที่ไม่คาดคิด

ข้อเสียของการเทรดแบบ Scalping

  • ต้องอาศัยสติและสมาธิอย่างมาก
  • วิธีนี้มีต้นทุนสูงกว่าต้นทุนการเทรดปกติ (ในรูปแบบของสเปรด) ตลาดคริปโตมีต้นทุนสูงกว่าต้นทุนปกติ เนื่องจากคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับตลาดสกุลเงินตรา ผู้ดูแลสภาพคล่องในคริปโตจึงมักจำเป็นต้องเรียกเก็บสเปรดที่สูงกว่าเมื่อเทรด BTC, ETH และสินทรัพย์ที่ใกล้เคียงกัน
  • Scalper ทั่วไปต้องมีอัตราการทำกำไรสูงจึงจะมีกำไรมากพอ
  • ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะเป็นบทเรียนที่มีราคาแพงกว่าสำหรับ Scalper เมื่อเทียบกับเทรดเดอร์ประเภทอื่น เนื่องจากโอกาสทำกำไรของ Scapler มีจำกัด จำนวนการเทรดที่ได้กำไรจะต้องสูงเสมอ

การเทรดแบบ Scalping มักเป็นรูปแบบที่แนะนำสำหรับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า เนื่องจากต้องอาศัยปริมาณการซื้อขายสูงและต้นทุนที่สูง และจำเป็นต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดขณะที่เปิดคำสั่งซื้อขายอยู่ ไม่ว่าคุณจะเทรดคริปโตหรอกลุ่มสินทรัพย์อื่นๆ ที่ Exness เราขอแนะนำให้ทดลองเทรดในบัญชีทดลองหรือบัญชี Standard Cent ก่อน

รูปแบบการเทรดแบบรายวันสำหรับคริปโตประเภทที่ 2: การเทรดทำกำไรระยะสั้นรายวัน

โดยทั่วไปแล้ว การเทรดทำกำไรระยะสั้นรายวันเป็นรูปแบบการเทรดที่มีความถี่น้อยกว่าการเทรดแบบ Scalping และมักหมายถึงการเทรดรายวันเพียงหนึ่งครั้งหรือเพียงไม่กี่ครั้งต่อวัน คุณอาจใช้รูปแบบการเทรดนี้ในช่วงขึ้นของ BTCUSD, ETHUSD หรือสินทรัพย์คริปโตอื่นๆ เนื่องจากอาจมีการทะลุกรอบครั้งใหญ่และมีอัตราส่วนกำไร/ขาดทุนที่ดีในการเทรดของคุณ

หมายเหตุ: ราคามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้อย่างจำกัดภายในหนึ่งวัน วันที่ราคาเคลื่อนไหวรุนแรงนั้นมักเกิดขึ้นน้อย ดังนั้น เทรดเดอร์จะต้องเลือกเทรดอย่างรอบคอบเป็นพิเศษ เนื่องจาก "สัญญาณรบกวน" ในการเคลื่อนไหวของราคาและความรุนแรงในการกลับตัวที่บางช่วงระดับราคาอาจมีสูง อย่างไรก็ตาม อาจมี "โอกาสครั้งใหญ่" จากความผันผวนที่ผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วง "Bull Run" คือช่วงเวลาที่ราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือ "Panic Sell" คือการขายด้วยความตื่นตระหนก

อย่างไรก็ตาม จังหวะเวลาเป็นหัวใจสำคัญสำหรับเทรดเดอร์รายวันที่ประสบความสำเร็จเมื่อเทรดคริปโต โดยไม่เพียงต้องคาดการณ์เป้าหมายราคาอย่างรอบคอบ แต่ยังจำเป็นต้องเข้าถือสถานะด้วยความเสี่ยงที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และวาง Stop Loss ป้องกันไว้อย่างรัดกุมเป็นพิเศษ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่การเทรดรายวันมักถูกมองว่าเป็นงานประจำมากกว่าการทำงานอดิเรกสบายๆ ผ่านหน้าจอแล็ปท็อปบนเก้าอี้ริมชายหาด อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ทุกที่ทั่วโลก หากคุณมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้และสามารถมีสมาธิอยู่กับตลาดการเงิน

กลยุทธ์การเทรดรายวันสำหรับการเทรดคริปโต

กลยุทธ์การเทรดรายวันต่างๆ ที่เทรดเดอร์รายวันในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีใช้จะขึ้นอยู่กับรูปแบบการเทรดของเทรดเดอร์แต่ละราย เช่น หากคุณเป็นเทรดเดอร์รายวันที่มองหาโอกาสในการเทรดดีๆ สักครั้งในแต่ละวัน คุณอาจลองหา Pivot Point และจุดกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นภายในวันนั้น เรามาดูการเทรดประเภทนี้อย่างละเอียดกัน

กลยุทธ์การเทรดรายวันประเภทที่ 1: การหา Pivot Point

Pivot Point ที่เป็นไปได้อาจเกิดขึ้นบริเวณแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ ดังที่แสดงในตัวอย่างด้านล่าง โดย BTCUSD ถึงระดับ 29700 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดระยะกลางตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม หลังจากทดสอบระดับนี้ ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาในตลาด ทำให้เทรดเดอร์รายวันสามารถเทรดตามการดึงกลับนี้ได้ ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยคือการเคลื่อนไหวของราคาที่กล่าวถึงเกิดขึ้นในช่วงสายของเขตเวลายุโรป หมายความว่ามีเทรดเดอร์เพียงส่วนน้อยที่อยู่ใกล้หน้าจอของตัวเองเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้

ตัวอย่างการดึงกลับที่เทรดเดอร์รายวันจะใช้สร้างสถานะ Long

กลยุทธ์การเทรดรายวันประเภทที่ 2: การเทรดคริปโตรายวันตามโมเมนตัม

การเทรดตามโมเมนตัมนั้นมีมาตั้งแต่ตลาดถือกำเนิดขึ้น แม้ว่าจะดูสมเหตุสมผลที่จะลอง "ซื้อที่ราคาต่ำ" และ "ขายที่ราคาสูง" แต่เทรดเดอร์รายวันที่ประสบความสำเร็จซึ่งเทรดตามโมเมนตัมจะมุ่งซื้อในราคาที่ "สูงแล้ว" เพื่อขายในราคาที่ "สูงขึ้นไปอีก" ความน่าดึงดูดใจของการเทรดตามโมเมนตัมคือกลยุทธ์นี้อาจทำให้เทรดเดอร์รายวันได้กำไรค่อนข้างเร็ว เนื่องจากโมเมนตัมที่เร่งตัวขึ้นจะผลักดันราคาขึ้นไปอย่างรวดเร็วด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น

กลยุทธ์การเทรดรายวันประเภทที่ 3: การเทรดเมื่อทะลุกรอบราคาในตลาดคริปโต

การทะลุกรอบราคาเป็นการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็วที่ผลักดันราคาให้ข้ามขอบเขตที่มีการสะสมของราคาหรือรูปแบบกราฟ หรือผ่านเส้นแนวโน้มของแนวโน้มที่มีการปรับฐานราคา ด้านล่างคือตัวอย่างการทะลุกรอบราคาที่เกิดขึ้นกับ BTCUSD ในเดือนกรกฎาคม 2023

ตัวอย่างเช่น การทะลุกรอบราคาของ BTCUSD ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2023 หลังจากการทะลุกรอบอย่างรวดเร็ว ราคาก็กลับตัวและปิดต่ำกว่าราคาเปิด

ในตัวอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าการทะลุกรอบราคาเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะจบลงอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับเทรดเดอร์รายวัน นี่อาจเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมในการเทรดรายวันด้วยสถานะ Long เนื่องจากคุณอาจสามารถวาง Stop Loss ใกล้ๆ และรับกำไรพอสมควรอย่างรวดเร็วภายในวัน การทะลุกรอบราคาในบางครั้งอาจไม่ดำเนินต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่ง ด้วยเหตุนี้ ตลาดคริปโตจึงต้องอยู่ภายในระยะ "ขาขึ้นต่อเนื่อง" อย่างไรก็ตาม สำหรับเทรดเดอร์รายวัน การเคลื่อนไหวภายในวันระยะสั้นๆ ก็ยังอาจมีอัตราส่วนกำไร/ขาดทุนที่ดี

กลยุทธ์การเทรดรายวันประเภทที่ 4: การเทรดรายวันตามแนวโน้มในคริปโต

สำหรับการเทรดภายในวันตามแนวโน้มในตลาดคริปโต เราให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วและผันผวนที่มีระยะเวลาเพียงสองวัน แทนที่จะใช้แนวโน้มระยะกลางหรือยาวที่ใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเดือน แนวโน้มที่มีระยะเวลานานขึ้นสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์เหล่านี้แบ่งเป็นกลยุทธ์หลายประเภท เช่น การสวิงเทรดและการเทรดระยะยาว เทรดเดอร์รายวันที่ช่ำชองซึ่งมองหาแนวโน้มระยะสั้นอาจใช้กลยุทธ์ของตนเองสำหรับการเทรดรายวัน เพื่อเทรดให้สอดคล้องกับแนวโน้มนี้ในช่วงเวลาหลายวันติดต่อกันจนกว่าแนวโน้มจะสิ้นสุด

ด้านผู้ที่เทรดตรงกันข้ามกับแนวทางนี้คือสวิงเทรดเดอร์และเทรดเดอร์ที่ถือสถานะระยะยาวมักจะต้องการ "ซื้อเมื่อราคาต่ำ" โดยคาดหวังว่าจะเริ่มมีการแกว่งตัวไปในทิศทางของแนวโน้มครั้งใหม่ แต่เทรดเดอร์รายวันมักทำกำไรจากโมเมนตัมด้วยการเทรดตามแนวโน้มในกลยุทธ์ของตนเอง เทรดเดอร์รายวันที่ประสบความสำเร็จมักใช้วิธีนี้ในการเทรดตลาดคริปโตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เรามาดูตัวอย่างด้านล่างของ BTCUSD กัน

ตัวอย่างเช่น แนวโน้มของ BTCUSD ในเดือนตุลาคม 2023 ราคาดึงกลับไปยังเส้นค่าเฉลี่ย (50) เป็นโอกาสที่เทรดเดอร์จะเข้าเทรดในสถานะ Long

เมื่อแนวโน้มเริ่มต้นในเดือนตุลาคม 2023 ราคาได้ทะลุกรอบราคาระยะสั้นหลายครั้ง หลังจากนั้น ราคาก็ดึงกลับมายังเส้นค่าเฉลี่ย 50 ในกราฟราย 60 นาที นี่เป็นตัวชี้วัดที่กำหนดเองสำหรับใช้บ่งชี้ แต่นั่นก็เป็นหลักการที่สามารถใช้ได้ทั้งในกรอบราคาสั้นๆ และกราฟรายวัน โดยแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่อาจมีการดึงกลับชั่วคราวไปยังแนวรับ ในตัวอย่างนี้ แนวรับนี้แทนด้วยอินดิเคเตอร์เส้นค่าเฉลี่ย เทรดเดอร์รายวันในตลาดคริปโตจึงอาจใช้จุดดังกล่าวให้เป็นประโยชน์และเทรดตามทิศทางของแนวโน้ม

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกแนวโน้มของคริปโตจะดำเนินต่อเนื่อง แต่หากระบุได้ถูกต้อง แนวโน้มจะแสดงทิศทางที่ชัดเจน และคุณต้องให้ความสำคัญกับจังหวะเวลาและการดำเนินการคำสั่งซื้อขาย

ความท้าทายในการเทรดคริปโตรายวัน

การเทรดแต่ละรูปแบบมาพร้อมกับความท้าทาย และการเทรดรายวันก็เช่นเดียวกัน

ในมุมหนึ่ง เทรดเดอร์รายวันพยายามจะไม่ถือสถานะข้ามคืนเพื่อความสบายใจ การเทรดคริปโตรายวันอาจทำให้เทรดเดอร์จำเป็นต้องเผชิญกับความผันผวนภายในวัน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าหงุดหงิดใจ การถูกบังคับขายครั้งใหญ่และการปั่นราคาเป็นเรื่องที่ค่อนข้างปกติสำหรับตลาดคริปโต แม้แต่กับ Bitcoin โดย Altcoin อาจมีความผันผวนมากกว่า BTCUSD ในการเคลื่อนไหวของราคาทั้งสองด้าน

เป็นเรื่องยากที่ต้องรอคอยหลายชั่วโมงเพื่อจะได้เทรดในโอกาสที่เหมาะสม แต่แล้วเมื่อคุณเข้าเทรดได้ ราคาก็เปลี่ยนแปลงจนทำให้กำไรที่เทรดมาทั้งวันหายไปในเวลาเพียงไม่กี่นาที เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นได้จากข่าวทางการเงินหรือการประกาศข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่ไม่คาดคิด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บางครั้งตลาดคริปโตก็อาจเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็นต้องมีข่าวทางการเงินใดๆ ซึ่งในกรณีนี้อาจเป็นผลมาจากข่าวลือบนโซเชียลมีเดียที่เกิดขึ้นกับคริปโตอยู่ตลอดเวลาและอาจก่อให้เกิดผลกระทบที่คล้ายกัน

เทรดเดอร์ควรมีสติเมื่อรู้สึกหงุดหงิดและผิดหวังเพราะอาจกดดันให้ตนเอง "เทรดเพื่อเอาคืน" และนำไปสู่ภาวะการเทรดมากเกินไปในที่สุด

ภาวะการเทรดมากเกินไปในการเทรดรายวัน

ภาวะการเทรดมากเกินไปเกี่ยวข้องกับการเทรดที่มากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการเทรดด้วยอารมณ์ที่ว้าวุ่น หรือการเทรดที่อาจอธิบายได้ว่าเป็น "เชิงระบบ" แม้อาจไม่เหมาะสมกับเงื่อนไขการเทรดในปัจจุบัน

หากเราสร้างสถิติการเทรดและเปรียบเทียบจำนวนการเทรด ภาวะการเทรดมากเกินไปจะหมายถึงการเทรดจำนวนมากที่มีผลลัพธ์เป็นลบ หากพิจารณาจากต้นทุนการเทรดที่สูงขึ้นเนื่องจากคริปโต ภาวะการเทรดเครื่องมือทางการเงินนี้มากเกินไปอาจก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรงสำหรับเทรดเดอร์รายวัน

รูปแบบภาวะการเทรดมากเกินไปสุดคลาสสิกมีลักษณะดังนี้คือปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นมีความสัมพันธ์กับการขาดทุนอย่างมาก ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากภาวะการเทรดมากเกินไป หากคุณคิดว่าตัวเองกำลังเป็นเช่นนั้น คุณไม่ได้เป็นเช่นนั้นคนเดียว มีเทรดเดอร์รายวันจำนวนมากที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่เช่นกัน

แหล่งที่มา: บทวิเคราะห์ส่วนบุคคลเกี่ยวกับผลการเทรดของตัวอย่างเทรดเดอร์จากบริการ https://en.webmarketstat.ru/

วิธีหลีกเลี่ยงภาวะการเทรดมากเกินไป

เทรดเดอร์รายวันมืออาชีพส่วนใหญ่ในตลาดคริปโตใช้การจัดการความเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ คือพวกเขาอาจลดปริมาณการซื้อขายลงหากขาดทุนภายในบางวัน จนกว่าจะกลับมามั่นใจและเริ่มเทรดได้กำไรอีกครั้ง นี่ไม่ใช่พฤติกรรมการเทรดสำหรับเทรดเดอร์คริปโตโดยเฉพาะ เทรดเดอร์มืออาชีพในทุกตลาดก็มันปฏิบัติเช่นนี้

เทรดเดอร์รายวันบางส่วนเทรดเฉพาะในบางช่วงเวลาเท่านั้นและจำกัดจำนวนการเทรดของตนเองด้วย วิธีนี้ไม่เหมาะกับ Scalper เนื่องจาก Scalper จำเป็นต้องเทรดอย่างต่อเนื่อง แต่การจัดการความเสี่ยงที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์จะมีประโยชน์อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะใช้รูปแบบการเทรดใด ทั้งการเทรดแบบ Scalping หรือการเทรดทำกำไรระยะสั้นรายวัน ก็จำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการสะสมความเครียดมากเกินไป เพื่อป้องกันภาวะหมดไฟ

หลักการง่ายๆ ในเรื่องนี้คือการพักเบรก ลดขนาดการเทรดลงสักระยะ หรืออาจเปลี่ยนไปใช้บัญชี Cent หรือบัญชีทดลองชั่วคราว เพื่อเรียกความมั่นใจกลับคืนมา ตลาดมีวันพรุ่งนี้เสมอ และเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรักษาเงินต้นและสุขภาพจิตของคุณ อย่าเทรดรายวันหนักเกินไป ให้ความสำคัญกับคุณภาพการเทรดของคุณ ไม่ใช่ปริมาณ

เครื่องมือทางการเงินที่ควรเลือกใช้ในการเทรดรายวัน

อีกแง่มุมหนึ่งที่สำคัญของการเทรดคริปโตรายวันคือการเลือกเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม

เทรดเดอร์รายวันไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการเทรดหลายๆ ตลาดและใช้หลายๆ หน้าจอ จึงควรเลือกเครื่องมือทางการเงินไม่เกินสองตัวและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเครื่องมือทางการเงินเหล่านั้นเท่านั้น

Bitcoin และ Ether เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในกรณีนี้ เนื่องจากมีความผันผวนของตลาดและสภาพคล่องเพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงการเกิดราคาคลาดเคลื่อนและสเปรดสูงขึ้นได้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเครื่องมือทางการเงินคริปโตที่มีสภาพคล่องน้อยอาจส่งผลให้เกิดราคาคลาดเคลื่อนและสเปรดสูงขึ้น

เลือกเครื่องมือทางการเงินของคุณอย่างรอบคอบและคำนึงถึงอารมณ์หุนหันพลันแล่นและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเครียดและภาวะหมดไฟ ดูคู่สกุลเงินคริปโตทั้งหมดที่ Exness ให้บริการ

การเทรดรายวันหรือการเทรดระยะยาวที่เหมาะกับคุณ

อย่างที่คุณทราบอยู่แล้ว ไม่มีกลยุทธ์หรือรูปแบบการเทรดใดที่ไม่มีทางผิดพลาดเลย การเทรดทุกครั้งมาพร้อมกับความเสี่ยงเสมอ จึงเป็นเหตุผลที่ควรทราบว่ารูปแบบการเทรดใดเหมาะกับการใช้ชีวิตและเป้าหมายของคุณเป็นอันดับแรก แล้วจึงเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม

การเทรดรายวันจำเป็นต้องมีความมุ่งมั่นและสมาธิที่จดจ่ออยู่ตลอดเวลา ขณะที่รูปแบบการเทรดระยะยาวส่วนใหญ่ เช่น การถือสถานะระยะยาวและแม้แต่การสวิงเทรด อาจเหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตที่ยุ่งกว่าและมีเวลาเฝ้าหน้าจอน้อยกว่า

คำถามที่พบบ่อย

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เหมาะสมกับการเทรดรายวันเป็นสิ่งจำเป็นที่ใช้ในการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลครบถ้วนสำหรับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ เทรดเดอร์โมเมนตัมมักอาศัยเครื่องมือทางการเงินเหล่านี้เพื่อเฝ้าสังเกตราคาและคาดการณ์ราคาของสินทรัพย์ในอนาคตภายในวันเดียวกัน

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคหลัก

อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคสำคัญที่มักใช้ในการเทรดรายวัน ได้แก่ เส้นค่าเฉลี่ย, ดัชนี Relative Strength Index (RSI), เส้น MACD (Moving Average Convergence Divergence) และอินดิเคเตอร์ปริมาณการซื้อขาย (หรืออาจเรียกว่า อินดิเคเตอร์แบบ Volume หรือ เครื่องชี้วัดวอลุ่ม)

อินดิเคเตอร์ทางเทคนิคเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์ระบุจุดที่มีโอกาสซื้อและขาย เทรดเดอร์จะมีความได้เปรียบในการระบุการเทรดที่มีโอกาสได้กำไร ตัวอย่างเช่น เส้นค่าเฉลี่ยสามารถช่วยให้ทราบถึงแนวโน้มของตลาด ส่วน RSI สามารถระบุสภาวะการซื้อมากเกินไปหรือการขายมากเกินไป และอินดิเคเตอร์ปริมาณการซื้อขายสามารถแสดงระดับความสนใจหรือกิจกรรมในตลาด

เทรดเดอร์สามารถใช้อินดิเคเตอร์เหล่านั้นพร้อมกันได้หากต้องการ ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการเทรดสถานะ Long โดยใช้ RSI ในทิศทางของแนวโน้ม ซึ่งระบุด้วยเส้นค่าเฉลี่ย แนวโน้มของ ETHUSD ในเดือนพฤศจิกายน 2023 เป็นขาขึ้น ซึ่งระบุได้จากเส้นค่าเฉลี่ยสองเส้นแม้จังหวะเวลาอาจไม่เหมาะสมนัก อินดิเคเตอร์ RSI ช่วยให้สามารถจับจังหวะเวลาได้ดียิ่งขึ้นและเข้าเทรดในราคาที่ดีขึ้นหลังจากมีการดึงกลับ

ค้นหาเครื่องมือทางเทคนิคเหล่านี้ได้ที่ไหน

โบรกเกอร์ออนไลน์มักให้บริการเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค แต่เทรดเดอร์ก็ยังอาจใช้แพลตฟอร์มกราฟเดี่ยวๆ ด้วย เทรดเดอร์ใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อกำหนดจุดเข้าและออกเทรดก่อนตลาดปิด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ต้องถือสถานะข้ามคืน ในตลาดคริปโตเองจะไม่มีราคาปิด เนื่องจากตลาดเปิดทำการตลอดเวลา แม้ว่าจะมีปริมาณการซื้อขายมากน้อยในบางช่วงก็ตาม

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมีบทบาทต่อการเทรดรายวัน แม้ว่าจะมีความสำคัญแตกต่างกันไปในเทรดเดอร์รายวันแต่ละราย เทรดเดอร์รายวันจะใช้โบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการโบรกเกอร์เพื่อซื้อขายคริปโตและเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ตลอดวัน โดยมักอาศัยการตอบสนองของตลาดในระยะสั้นที่มีต่อข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อกำหนดการเทรดของตนเอง

กิจกรรมการวิจัยและสภาวะอุตสาหกรรม

แม้ว่าเทรดเดอร์รายวันบางรายอาจให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคมากกว่า แต่บางรายอาจใช้บทวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานในกลยุทธ์การเทรดของตนเองด้วย การวิเคราะห์ประเภทนี้เกี่ยวข้องกับการประเมินสถานะการเงินของบริษัท สภาพอุตสาหกรรม และแนวโน้มตลาด รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์รายวันอาจใช้การวิเคราะห์ประเภทนี้เพื่อประเมินรายงานผลประกอบการ และทำนายการตอบสนองของตลาด

ในตลาดคริปโต การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานไม่ใช่เรื่องง่าย แต่บางครั้ง เทรดเดอร์อาจใช้การวิเคราะห์ข้อมูลบนบล็อกเชน โดยพยายามติดตามการเคลื่อนย้ายเงินทุนขนาดใหญ่ระหว่างกระเป๋าเงินกับตลาดแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ ตลาดคริปโตยังมีความสัมพันธ์กับหุ้นด้วย เทรดเดอร์คริปโตจึงอาจได้ประโยชน์จากการทราบทิศทางการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นสำคัญ

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้

โปรดทราบว่าการเทรดรายวันมาพร้อมกับความเสี่ยง เทรดเดอร์รายวันจำนวนมากสูญเสียเงิน โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มเทรดใหม่ๆ หรือผู้ที่ไม่ได้ใช้กลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยง ดังนั้น การใช้บทวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้การเทรดรายวันประสบความสำเร็จ

ตัวอย่างเช่น เทรดเดอร์โมเมนตัมอาจใช้บทวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานเพื่อระบุบริษัทที่เพิ่งประกาศรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะเห็นปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเป็นผลให้ราคาสูงขึ้น จากนั้น เทรดเดอร์จึงเทรดหุ้นของบริษัทดังกล่าวแบบรายวัน โดยพยายามทำกำไรจากการตอบสนองของตลาดที่มีต่อรายงานผลประกอบการที่เป็นบวก

ในตลาดคริปโต เทรดเดอร์โมเมนตัมสามารถใช้มุมมองทางเทคนิคของตนเองร่วมกับการวิเคราะห์เชิงลึกในเหรียญอ้างอิง ข่าวสาร และปัจจัยอื่นๆ

ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 เทรดเดอร์ให้ความสนใจอย่างมากต่อความคืบหน้าในการดำเนินการฟ้องร้องระหว่าง Ripple กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ความคืบหน้าที่เป็นบวกในคดีนี้สำหรับ Ripple ทำให้เกิดการทะลุกรอบครั้งใหญ่โดย XRP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 100% ภายในวันเดียว แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ เทรดเดอร์คริปโตก็ยังพยายามอย่างเต็มที่ในการติดตามเหตุการณ์ดังกล่าว

แม้ว่าการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ เทรดเดอร์รายวันก็ควรพิจารณาปัจจัยและกลยุทธ์อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

เทรดเดอร์รายวันต้องเข้าใจว่าการเทรดรายวันเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทางการเงินที่สำคัญ เพื่อไม่ให้สูญเสียเงิน เทรดเดอร์รายวันจึงต้องใช้กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่สมเหตุสมผล

คำสั่ง Stop loss

กลยุทธ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการกำหนดคำสั่ง Stop Loss ซึ่งระบุความเสี่ยงที่เทรดเดอร์เต็มใจยอมรับในการเทรดแต่ละครั้งไว้ล่วงหน้า คำสั่ง Stop Loss จะส่งคำสั่งขายเมื่อหุ้นตกลงมาถึงราคาที่กำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้เทรดเดอร์รายวันสูญเสียเงินเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เทรดเดอร์รายวันยังควรจำกัดจำนวนหุ้นที่จะซื้อและขายในหนึ่งวัน เนื่องจากการโฟกัสกับหุ้นที่เลือกเพียงสองสามตัวเพื่อเทรดรายวันจะช่วยลดความเสี่ยงและทำให้มีสมาธิมากขึ้น

การกระจายความเสี่ยง

แม้ว่าการกระจายความเสี่ยงจะเป็นเครื่องมือที่เหมาะกับนักลงทุนมากกว่า แต่เทรดเดอร์รายวันอาจใช้กลยุทธ์นี้ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น กลยุทธ์การจัดการความเสี่ยงที่สำคัญของเทรดเดอร์รายวันไม่ใช่การใส่เงินลงในการเทรดรายวันเพียงครั้งเดียว หรืออย่างน้อยก็ควรมีสินทรัพย์จำนวนหนึ่งในรายการที่ติดตามเพื่อให้สามารถเลือกสินทรัพย์ที่มีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ดีที่สุด

จัดการอารมณ์

การปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำการเทรดอาจทำให้เทรดเดอร์ขาดทุนครั้งใหญ่ การพยายามทำกำไรให้ได้ในการเทรดทุกครั้งอาจกระตุ้นให้เทรดเดอร์รายวันซื้อขายอย่างหนัก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้สูญเสียเงิน ดังนั้น เทรดเดอร์รายวันจำเป็นจะต้องรักษาสภาพจิตใจให้มั่นคงและมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถตัดสินใจซื้อและขายอย่างมีข้อมูลครบถ้วนเพื่อป้องกันการขาดทุนโดยไม่จำเป็น

สามารถทำได้ โดยสามารถใช้การเทรดรายวันในบริบทของการเทรดภายในกรอบ กรอบการเทรดที่ระบุโดยการเฝ้าสังเกตรูปแบบกราฟ ถือเป็นเครื่องมือเบื้องต้นที่ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุจุดซื้อและขายที่เป็นไปได้ วิธีนี้ใช้แนวคิดที่ว่าราคามักจะเคลื่อนไหวระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดทำให้เกิดเป็นกรอบราคาขึ้นมา

วิธีนี้สามารถใช้กับคริปโตและสินทรัพย์อื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสมากมายให้กับเทรดเดอร์รายวัน อย่างไรก็ตาม จำเป็นจะต้องทราบว่าทุกกลยุทธ์มาพร้อมกับความเสี่ยงทางการเงิน ดังนั้น เทรดเดอร์จึงจำเป็นจะต้องเข้าใจรูปแบบกราฟภายในช่วงการเทรดและพัฒนาเทคนิคการจัดการความเสี่ยงเพื่อบรรเทาผลขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น

หากต้องการเริ่มเทรดคริปโตรายวัน

การเทรดคริปโตรายวันอาจมอบโอกาสมากมายแก่เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์และเทรดเดอร์มือใหม่ กลยุทธ์ที่กล่าวถึง เช่น การเทรดแบบ Scalping และการเทรดรายวันแบบสั้นๆ มีวิธีการเทรดในตลาดที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องเข้าใจความท้าทายต่างๆ เช่น ภาวะการเทรดมากเกินไป และความสำคัญในการเลือกเครื่องมือทางการเงินและโบรกเกอร์ที่เหมาะสม การเทรดคริปโตรายวันเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ซึ่งจำเป็นต้องจับตาดูการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่ก็อาจให้ผลตอบแทนจำนวนมากแก่ผู้ที่ควบคุมความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้ อย่าลืมว่าเทรดเดอร์ที่มีข้อมูลครบถ้วนคือเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

วิธีการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม

ในการเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจำนวนมาก มีประสบการณ์ในตลาดมาเป็นเวลาหลายปี มีค่าธรรมเนียม สเปรด และค่าคอมมิชชั่นที่เหมาะสมและโปร่งใส รวมถึงมีฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์อื่นๆ เช่น ที่ Exness เรามอบสิทธิประโยชน์ที่ไม่เหมือนใครและแตกต่างจากโบรกเกอร์รายอื่น ซึ่งมอบความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าของเรา รวมถึงการแจ้งเตือนระดับมาร์จิ้น เซิร์ฟเวอร์ VPS เพื่อการดำเนินการซื้อขายที่รวดเร็วและน่าเชื่อถือ การฝากและถอนเงินทันที สเปรดต่ำ การป้องกัน Stop Out และการคุ้มครองยอดบาลานซ์ที่ติดลบ รวมถึงการเทรดโดยไม่มีค่าสว็อปในบางภูมิภาค

หากต้องการดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีซื้อขายที่เหมาะกับคุณ เป้าหมาย และกลยุทธ์ของคุณ โปรดดูประเภทบัญชีหลากหลายที่เราให้บริการ

แชร์


เริ่มเทรดเลย

ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่อาจใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต เงินลงทุนของคุณมีความเสี่ยง โปรดเทรดอย่างรอบคอบ